ข่าวทั่วไป

“เศรษฐา” ยัน จัดการตามกฎหมาย หากพบ อปท.ฮั้วประมูล สร้างถนนคอนกรีต ภาคอีสาน

Loading

“เศรษฐา” ยัน ดำเนินการตามกฎหมาย หากพบ อปท.ฮั้วประมูลล็อกสเปก สร้างถนนคอนกรีต 10 จังหวัดในภาคอีสาน ทำเสียหายกว่า 100 ล้าน โยน “อนุทิน” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ตอบ หลังผู้เสียหาย ยื่นนายกฯ สอบวันนี้

วันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล มีนายวิทยา คุณโรจน์วิมุติ รับมอบเป็นตัวแทน นายสมัตถ์ ชมชื่น ผู้ประกอบการค้าน้ำยางพารา เพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่าน นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ประจำรองนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งเบาะแสการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 จังหวัด และขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบ หลังพบข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ทางการค้าให้กับบุคคลเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะราย ในโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีต เมื่อปี 2565 เป็นเหตุให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย ต้องเสียรายได้งบประเทศแผ่นดิน มากกว่า 100 ล้านบาท

นายวิทยา กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ประกอบการค้าน้ำยางพารา พบว่า มีการกำหนดขอบเขตและรายละเอียด TOR ของโครงการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งได้ระบุเงื่อนไขข้อหนึ่งของผู้เสนอราคาว่า จะต้องแนบเอกสารประกอบการยื่นเสนอราคา คือ เอกสารรับรองจากผู้ประกอบการที่ถือสิทธิในอนุสิทธิบัตร “น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม” จึงทำให้ผู้รับเหมา ที่ไม่มีเอกสารจากผู้ประกอบการ ที่ถือสิทธิ ในอนุสิทธิบัตรดังกล่าวเข้าประกวดราคาได้ และทำให้ผู้ประกอบการค้าน้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่มที่ทำการค้ากับผู้รับเหมา ไม่สามารถจำหน่ายน้ำยางพาราได้ โดยนายสมัตถ์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ไม่สามารถยื่นประกวดราคาอย่างเป็นได้เช่นกัน

สำหรับโครงการประกวดราคา นายสมัตถ์ ตรวจสอบพบ ว่า อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 10 จังหวัด คือ ศรีสะเกษ ราชบุรี อำนาจเจริญ หนองคาย ยโสธร ขอนแก่น กาญจนบุรี ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ดังนั้นต้องการให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการช่วยตรวจสอบใน 5ประเด็น คือ

1. ส่วนท้องถิ่น สามารถกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ของโครงการจัดซื้อจัดจ้าง งานก่อสร้างถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีต โดยมีเงื่อนไขเป็นการเฉพาะ คือ ผู้เสนอราคา จะต้องแนบเอกสารรับรองจากผู้ประกอบการที่ถือสิทธิในอนุสิทธิบัตร น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม ได้หรือไม่

2. ผู้ประกอบการที่ถือสิทธิในอนุสิทธิบัตร น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม เป็นบุคลคล/นิติบุคคลใด

3. เหตุใด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้นำเลขที่คำขออนุสิทธิบัตร น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม ไปใช้ระบุเป็นข้อกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ดังกล่าว ทั้งที่เป็นเพียงคำขอ ยังไม่ได้รับการอนุมัติ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

4. การกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ดังกล่าวโดยมีเงื่อนไขเป็นการเฉพาะ ในลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ยื่นคำขออนุสิทธิบัตร น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม เลขที่ 2203000012 เพียงรายเดียวหรือไม่ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มีบริษัทผู้ผลิตที่ผ่านการรับรองคุณภาพวัสดุผลิตภัณฑ์น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม จากการยางแห่งประเทศไทย จำนวนมากถึง 13 แห่ง ซึ่งการกำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) ของโครงการจัดซื้อจัดจ้างในลักษณะเช่นนี้ ถูกบังคับให้ผู้เสนอราคาต้องซื้อน้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่ม จากผู้ยื่นคำขออนุสิทธิบัตร เลขที่ 2203000012 เพียงรายเดียวเท่านั้น หรือไม่ อย่างไร

5. การที่ส่วนท้องถิ่นได้กำหนดขอบเขตและรายละเอียด (TOR) โดยมีเงื่อนไขเป็นการเฉพาะไว้ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการบางราย นั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ประกอบการ ทั้งที่เป็นผู้ชนะการประกวดราคา และผู้ยื่นคำขออนุสิทธิบัตร น้ำยางพาราผสมสารผสมเพิ่มฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดอาญา และหรือความผิดตามพระราชบัญญัติที่มีโทษทางอาญา เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือไม่ อย่างไร

 

ด้านนายกองตรีธนกฤต เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะดำเนินการส่งเอกสารและหลักฐานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน, สำนักงานงบประมาณ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ให้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวว่ามีการฮั้วประมูลจริงหรือไม่ หากพบว่ามีมูลความผิดก็จะดำเนินการส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI เข้ามาดำเนินการรับผิดชอบ นอกจากนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบน้ำยางพาราของบริษัทดังกล่าวว่ามีคุณสมบัติและได้คุณภาพตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่

ขณะเดียวกันก่อนการประชุม ครม. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายเศรษฐา ซึ่งถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด โดยระบุว่า ต้องไปตรวจสอบก่อนหากพบว่า มีการทุจริตจริง จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน ส่วนจะกำชับให้กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบมากขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ เพิ่งทราบเรื่องและจะต้องสอบถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะ รมว.มหาดไทย อีกครั้ง ยืนยันแน่นอนว่า หากพบการกระทำความผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *