ตร.เปิดเก๋งช็อก หนุ่มธาตุไฟแตกดับปริศนาในรถ ท้องเสีย3วันฝืนไปทำงาน ก่อนพบเป็นศพ
อุจจาระปัสสาวะปนเลือดไหลนองพื้น ตร.เปิดเก๋งช็อก หนุ่มธาตุไฟแตกดับปริศนาในรถ จอดหน้าร้านสะดวกซื้อฯ แม่เผยท้องเสีย3วัน ฝืนไปทำงาน ก่อนพบเป็นศพ ชาวบ้านแตกตื่น
เวลา 07.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ร.ต.อ.วรชัย แจ่มศรี รอง สว.สส.(สอบสวน) สภ.ขลุง ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบชายนอนเสียชีวิตภายในรถยนต์เก๋ง จอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ริมถนนสาย ขลุง – มะขาม บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านขลุง อ.ขลุง จ.จันทบุรี เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ
หลังรับแจ้งต่อมา ได้พร้อมแพทย์ รพ.ขลุง และกู้ชีพขลุงมูลนิธิ ร่วมเดินทางตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ พบรถโตโยต้า ยาริส สีดำ หมายเลขทะเบียน กม9590 จันทบุรี จอดอยู่บริเวณลานจอดรถ หน้าร้านสะดวกซื้อ
เมื่อเปิดประตู ตรวจสอบด้านใน พบศพของ นายสุชาติ อายุ 40 ปี อยู่ในสภาพนอนตะแคง เสียชีวิตอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ขณะทีมแพทย์เข้าตรวจสอบ พบที่กางเกงมีคราบอุจจาระ ปัสสาวะปนเลือด ไหลนองพื้นตรงที่วางเท้า ไม่พบบาดแผลอื่นๆที่เกิดจากการถูกทำร้าย
จากการสอบสวนของ ร.ต.อ.วรชัย แจ่มศรี ร้อยเวรเจ้าของคดี เบื้องต้น นางสะอาด มารดาผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน นายสุชาติ มีอาชีพรับจ้างทำสวน
ก่อนหน้านี้มีอาการท้องเสีย ปวดท้องบ่อย ถึงขนาดป่วยนอนซมอยู่ 3 วัน 3 คืน ไม่กินข้าว ซึ่งตนพยายามจะพาไปหาหมอ แต่ลูกชาย ไม่ยอมไป ล่าสุด เมื่อ วันที่ 24 ก.พ.67
ลูกชาย ฝืนตัว ลุกขึ้นมากินแต่น้ำ ทานอาหาร แล้วขับรถออกมาทำงานต่อ หลังจากทำงานได้เพียง 2 วัน เช้าวันนี้ ก็มาทราบข่าวร้ายว่ามาเสียชีวิตในรถ
จากการสอบถาม นายชัยวัฒน์ อายุ 25 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนของคืนที่ผ่านมา ตนกลับจากดูฟุตบอล
เห็นรถของผู้ตาย จอดติดเครื่องยนต์ อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ก็ไม่ได้เรียก คิดว่าจอดรถเปิดแอร์นอน เข้าใจว่าตื่นเมื่อไหร่ คงขับรถกลับบ้านได้เอง จนมาทราบอีกทีว่าเพื่อนเสียชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบร่องรอยที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อมบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าอาจจะเกิดจากโรคประจำตัวกำเริบ เนื่องจากไม่ทานอาหาร เป็นเวลานานหลายวัน
ทั้งนี้ทางตำรวจได้ประสานกู้ชีพขลุงมูลนิธิ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้า เพื่อให้แพทย์ตรวจชันสูตรยืนยันหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด จากนั้นจะมอบร่างให้ญาติ รับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป