พริษฐ์ เชื่อ ‘พิธา’ไม่หลุดสส. จ่อยื่นอุทธรณ์คดีแฟลชม็อบ ย้ำยังมีคุณสมบัติเป็นนายก

พริษฐ์ เชื่อ ‘พิธา’ ไม่หลุด สส. เตรียมยื่นอุทธรณ์ คดีแฟลชม็อบ ปี 62 ที่สกายวอล์ก ชี้หากพ้นโทษ ยังมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้อยู่

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 6 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงศาลมีคำพิพากษาจำคุกแกนนำพรรคอนาคตใหม่ กรณีเข้าร่วมการชุมนุมแฟลชม็อบ ที่สกายวอล์ก เมื่อปี 2562 อาจเป็นผลให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะไม่สามารถดำรงสถานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกลได้ ตามมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญ

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ผู้ที่ถูกฟ้องร้องได้เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาล โดยตั้งข้อสังเกตถึงความคงเส้นคงวาของการใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ โดยเฉพาะการวัดรัศมี 150 เมตรจะเริ่มวัดจากจุดใด ซึ่งมองว่าควรมีมาตรฐานเดียวกันในทุกกรณี

นอกจากนี้ยังจะต่อสู้เรื่องความได้สัดส่วนของโทษ ว่าควรสูงถึงขั้นจำคุก 4 เดือนเลยหรือไม่ หากมีความผิดจริง สำหรับผลกระทบต่อสถานะทางการเมืองของ นายพิธา และบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น ต้องย้ำในหลักการว่า เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ออกไป นายพิธา จะไม่หลุดจากสถานะ สส. ตามมาตรา 6 ที่ระบุว่าหากถูกพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว และหากการอุทธรณ์สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ก็จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อสถานะทางการเมือง

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขณะที่หลายส่วนวิเคราะห์ว่าคำพิพากษาอาจเป็นผลให้ นายพิธา ไม่สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯได้ตลอดชีวิต ตนมองว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในมาตรา 160 (7) ใช้คำว่ารัฐมนตรีต้องไม่เป็นผู้พิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด หรือรอการลงโทษ ทำให้ตนมองว่าข้อความนั้นไม่ได้พูดถึงผู้ที่เคยถูกคำพิพากษาให้จำคุก

ข้อความสำคัญที่ไม่ได้อยู่ในมาตรานี้คือ คำว่า ‘เคย’ หากเปรียบเทียบกับมาตรา 98 ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของผู้ลงสมัคร สส. โดยเฉพาะ (9) ที่มีคำว่า ‘เคย’ ระบุไว้อย่างชัดเจน จึงตีความได้ว่า หากพ้นโทษในกรณีนั้นมาแล้วก็สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงแคนดิเดตนายกฯได้

ส่วนถ้ามีความเห็นที่แตกต่างกันมาก จำเป็นต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า จากที่อ่านข้อความก็ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ และเชื่อว่าหากยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็สามารถอธิบายตามหลักการและเหตุผลได้