“ท่านเรวัช” เชื่อ ตำรวจพ่อผู้ต้องหา รู้ทุกอย่าง ลั่น “ลุงเปี๊ยก” โดนยัดข้อหา
“ท่านเรวัช” เชื่อ ตำรวจพ่อผู้ต้องหา รู้ทุกอย่าง ลั่น “ลุงเปี๊ยก” โดนยัดข้อหา : ติดตามันไปยาวๆ กับ คดีของ ป้ากบ หรือ ป้าบัวผัน ซึ่งล่าสุด พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดฝีปากกล้า ที่ได้ไปออกรายการโหนกระแส ซึ่งช่วงตอนหนึ่งได้พูดเกี่ยวกับกรณีของป้าบัวผันว่า
“เอาอย่างนี้นะ สมมติว่าไปเจอกล้องวงจรปิดจับตาเปี๊ยกผิดไปแล้ว ไอ้ตัวผู้กำกับตีนก่ายหน้าผากแล้ว รีบประสานปล่อย ตาเปี๊ยกมา แต่การขอให้ปิด ผมยังมองว่าเด็กมันเจตนาดีนะ ปิดไว้ก่อน เพราะลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้เดี๋ยวมันหนีตามจับลำบาก ทะเบียนรถนะอันนี้
ตามหลักตำรวจต้องเป็นอย่างนี้ เห้ย! ปิดข่าวก่อนนะ จับได้แล้วอะไรแล้ว แต่สื่อมวลชนเนี่ยก็จิตวิญญาณของสื่อมวลชน มันก็อยากอย่างนี้ ผมถึงบอกว่าเวลามีสื่อมวลชนไปด้วย ใช้สื่อมวลชนให้เป็นประโยชน์ แต่อะไรที่บางครั้งผมไม่ไปว่าช่องนู้นช่องนี้เหมือนคดีไอ้แป้งนาโหนด อย่างนี้ไม่ได้ เดี๋ยวเขารู้วิธีการทำงานของเรา แล้วมันอ่านเกมออกว่าเรายกทัพไปกี่คน ล้อมอะไรยังไง
อันนี้ผมมองว่าเป็นปกติอยู่แล้ว ปิดไว้ก่อนนะ เดี๋ยวตามลำบาก ลูกเต้าเหล่าใครอย่างนี้ ก็ขนาดไอ้ลูกตำรวจยังไม่อยู่ในพื้นที่เลย ยังไปเขาใหญ่ไปโคราชเลย”
ทั้งนี้มีช่วงหนึ่งที่ หนุ่ม กรรชัย ถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมต้องถอดเสื้อลุงทั้งที่มีแอร์? พล.ต.ท.เรวัช จึงอธิบายว่า “ไอ้นั่นเป็นเทคนิค ‘ไม่ต้องซ้อม แต่ให้แม่งหนาว’ ผมใส่เสื้อคลุมใส่เสื้อสูทอะไรอย่างนี้ แต่คุณไม่ใส่เสื้อ สอบให้นาน ไม่ต้องซ้อมไม่ต้องอะไร ไอ้คลุมถุงดำมันรุ่นโจ้ถุงดำนู่น ไอ้ควาย เขาเลิกใช้กันแล้ว ปีอะไรแล้ว แต่ไอ้นี่พัฒนามาหน่อย เปิดแอร์
ตามปกติก็เปิดแอร์ แต่ว่ามันพิเรนทร์ตรงให้ตาเปี๊ยกถอดเสื้อ ที่ไม่มีใครเขาทำกัน แค่สอบ ผมยังสอบไม่เสร็จตั้งแต่ทุ่มนึงยันหกโมงเช้า ผมก็ง่วงนอนแล้ว แล้วตาเปี๊ยกเนี่ยไม่ต้องไปให้ถอดเสื้อ ไม่ต้องไปเปิดแอร์ รอให้หิวเหล้า บอกจะให้เหล้า แต่ผมก็ผิดนะถ้าไปพูดว่าถ้าตาเปี๊ยกจะให้เหล้าเนี่ย สัญญาว่าจะให้ คือเขารับเนี่ยต้องรับด้วยความบริสุทธิ์ใจเขา ไม่ใช่ว่าจะช่วย มึงรับไปเลยเดี๋ยวกูช่วย เดี๋ยวกูให้ไอ้นี่ขวดนึง หรือให้เหล้าขวด มันไม่ได้
พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.เรวัช ยังได้พูดถึง พ่อของ 1 เยาวชนผู้ต้องหาอีกว่า คือตามหลักเนี่ยด้วยจิตใจของตำรวจเนี่ย เวลาเกิดเหตุสมมุติมีคนโดนฆ่า เขาอยากได้ตัว สงสัยใครเนี่ย ถ้าบอกว่า เฮ้ย! สงสัยคุณจะฆ่าเขานะ อันนี้ต้องเริ่มสตาร์ทการเป็นปฏิปักษ์แล้ว เห็นเหตุการณ์ไหมเดี๋ยวพี่เชิญไปเป็นพยานอย่างนี้ เราสามารถเชิญได้ 20 – 30 คน
คนเชิญมาเขาก็ยังไม่ต่อต้านเรา เวลาสอบเราก็จะสอบในฐานะผู้ให้ถ้อยคำ เป็นพยาน แต่พอพบสิ่งผิดปกติก็จะมีเวลาไง พอเรียกตาเปี๊ยกมาก็ต้องเช็กว่าตาเปี๊ยกอยู่ไหน อะไรยังไง พอเริ่มจับพิรุธได้อะไรได้ หาข้อมูลเข้ามาได้ แต่อันนี้มันหาข้อมูลลวกๆ คดีฆ่านี่โทษประหารชีวิตนะ พยานหลักฐานต้องแน่น
หนุ่ม กรรชัย ยังเอ่ยปากถามตรงๆ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการยัดข้อหาไหม? พล.ต.ท.เรวัช บอกว่า มันไปเชื่อลูกน้องไง แล้วก็ปิดคดีง่ายๆ คิดว่าคดีกระจอก อันนี้เขาเรียกว่า ยัด ก็รู้ว่าลูกกูทำไปแล้วก็เอาไอ้นี่ไป ผมว่าพ่อมันรู้นะ เพราะว่าพ่อมันเป็นสายสืบ พอเวลามีเหตุอุกฉกรรจ์ขึ้นจะต้องรู้แล้วว่า ป้าบัวผัน คนบ้าโดนฆ่าเนี่ย
สัญชาตญาณเนี่ยมึงจะอยู่ที่ไหนในเวลามีเหตุในพื้นที่เนี่ยเขาจะเรียกกลับมาหมดให้ทำหน้าที่ ทุกคนต้องเริ่มหาข่าวตั้งแต่วันที่ได้พบศพ พ่อเนี่ยเป็นสายสืบ จะเป็นคนดีคนไม่ดีอะไรยังไงก็ช่าง แต่เริ่มสงสัยลูกกูไปฆ่าเขาหรือเปล่า ไม่มีพ่อแม่ผู้ปกครองคนไหนอยากให้ลูก… แต่เวลาลูกไปก่อเหตุเนี่ยก็พยายามช่วยให้เต็มที่ บรรเทาผลร้ายให้เต็มที่ พอโมเมเป็นตาเปี๊ยกได้ “ก็เออก็ดีวะ ลูกกูจะได้รอด”
“ส่วนเรื่องการไปเขาใหญ่ จริงๆ มันไม่ได้นะมีเหตุอุกฉกรรจ์ในพื้นที่เนี่ย ผมเนี่ยนะคุณจะอยู่เชียงใหม่หรือจะลาพักร้อนมึงต้องกลับมา ถ้าไม่กลับมาเนี่ยผมขังเลยนะ ตำรวจเขาจะมีอย่างนี้ครับ คุณอยู่อำเภออรัญ คุณออกนอกเขตพื้นที่อำเภอ ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่งให้ไปสืบเนี่ยผิดนะครับ ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต”