เปิดใจ 2 พยาบาลสาว แต่งสวยไปเคานต์ดาวน์ เจอยายโดนรถชน ลงไปช่วยปั๊มหัวใจ แม้สุดท้ายไม่รอด

จากกรณี นางจีรภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ป่วยอัลไซเมอร์เดินข้ามถนนถูกรถตู้ชนเสียชีวิต ที่ถนนแวร์ซายน์ -สี่แยกสามพร้าว หน้าร้านโสเหล่ เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 31 ธ.ค.66 จากนั้นก้มีการเผยแพร่คลิปวอดีโอผู้หญิง 2 คน กำลังทำซีพีอาร์ให้กับหญิงที่ประสบอุบัติ ทราบภายหลังว่าเป็นพยาบาล รพ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ทางจังหวัดอุดรธานี จึงเสนอมอบเกียรติบัตรการทำความดีแก่พยาบาลทั้งสอง

ล่าสุดวันที่ 4 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ รพ.กุมภวาปี พบกับ นางปิ่นเพชร เอกสิงหชัย หัวหน้าพยาบาล รพ.กุมภวาปี, น.ส.ณัฐพร แวงคำ หรืออุ๊ อายุ 24 ปี, น.ส.เสาวลักษณ์ จันทร์พิลา หรือออย อายุ 28 ปี ทั้ง 2 คนเป็นพยาบาลวิชาชีพประจำห้อง ICU, น.ส.ปรานต์พนิตา นาสูงชน พยาบาลวิชาชีพหน่วยกู้ชีพ ซึ่งทั้งหมดได้เปิดคลิปวิดีโอเหตุการณ์ น.ส.ณัฐพร และ น.ส.เสาวลักษณ์ กำลังช่วยเหลือ นางจีรภา โดยทั้งคู่อยู่ในชุดไปรเวทจะไปเคานต์ดาวน์

น.ส.ณัฐพร เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 31 ธ.ค. ตนและพี่เสาวลักษณ์ ชวนกันไปเคานต์ดาวน์ในตัวเมืองอุดรธานี เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ พบรถตู้ชนคนเดินข้ามถนน ผู้บาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน ไม่มีใครเข้าไปช่วย จึงชวนกันลงไปดูเผื่อจะได้ช่วยเหลือ

เมื่อเข้าไปประเมินผู้บาดเจ็บก็พบว่าไม่มีชีพจรแล้ว แต่เห็นหายใจเฮือกสุดท้าย จึงชวนกันลองสู้ก่อนเผื่อจะยังมีชีวิตอยู่ จึงทำซีพีอาร์ ตนเป็นคนจับศีรษะ พี่เสาวลักษณ์เป็นคนปั๊มหัวใจ ประมาณ 4 นาที ชีพจรก็ไม่กลับมา รถกู้ชีพโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีก็มาพอดี จึงแจ้งว่าปั๊มหัวใจไม่ขึ้น คงจะเสียชีวิตแล้ว และขอตัวไปเคานต์ดาวน์

เหตุการณ์นี้ เป็นสัญชาติญาณของพยาบาลที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเบื้องต้น เพราะเรามีความรู้จึงอยากให้ช่วยชีวิตไว้ก่อน และรู้ภายหลังว่าเสียชีวิต ขอบคุณที่มีผู้ใหญ่เห็นสิ่งดีในครั้งนี้ มอบเกียรติบัตรให้ จะทำดีตลอดไป และจะได้เป็นแบบอย่างให้คนทำดีต่อไป

ขณะที่ น.ส.เสาวลักษณ์ เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่ลงไปดูเห็นสภาพก็ตัดใจแล้ว แต่น้องบอกว่าคนไข้หายใจเฮือก จึงตัดสินใจปั๊มหัวใจ ซึ่งน้องใส่กระโปรง จึงให้น้องล็อคคอเปิดทางเดินหายใจ ตนขึ้นปั๊ม 2 นาที แล้วมาคลำชีพจร คนไข้ก็ไม่กลับมา พอดีกู้ชีพมาพอดี จึงส่งต่อข้อมูลให้ และไม่รู้ด้วยถูกถ่ายคลิปไว้

ถ้ามีการรณรงค์ช่วยกู้ชีพก่อนถึงโรงพยาบาลให้กับประชาชนทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จะทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตมาก ตนไม่ได้โทษคนยืนมุงดู เพราะเขาทำหน้าที่ได้ดี ด้วยการกันรถที่ผ่านไปมา แต่ไม่มีคนประเมินอาการผู้บาดเจ็บ ไม่มีคนซีพีอาร์เบื้องต้น ถ้าประชาชนทำได้ จะลดการเสียชีวิตได้มาก

ส่วน นางปิ่นเพชร เปิดเผยว่า ตนรู้สึกภูมิใจในตัวน้องทั้ง 2 มาก ทั้งที่เพิ่งเรียนจบมาไม่นาน น้องมีจิตวิญญาณในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อยากจะบอกว่าภูมิใจน้องมาก ที่มีเมล็ดพันธุ์แบบนี้อยู่ อยากให้มีมากๆ เพราะเราเรียนการช่วยเหลือคน มีโอกาสมากกว่าคนอื่น มีความรู้ ช่วยได้ถูกต้อง ให้ใช้ความรู้ด้านนี้ช่วยคนต่อไป