เมียอธิบดีแฉแหลก! เปิดใจสู้ “แก๊งตบทรัพย์” ทำไมต้องปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในสังคมต่อไป

เมียอธิบดีแฉแหลก! เปิดใจสู้ “แก๊งตบทรัพย์” ทำไมต้องปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในสังคมต่อไป

เมียอธิบดีกรมการข้าว เปิดใจ ทนทุกข์ เครียดถูกแก๊งตบทรัพย์ กลั่นแกล้งตั้งแต่สามีรับตำแหน่ง ขู่ร้องออกข่าวแม้ไม่ใช่เรื่องจริง แฉฉากรี “คุณนาย ยอมจ่ายๆไปเถอะ ทุกอย่างจะได้จบ” เผย ถ้าไม่สู้ความจริงคงไม่ปรากฎ

จากกรณีตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วม เจ้าหน้าที่ ปปท. และ ปปช. ซ้อนแผนจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หรือ นักเคลื่อนไหวชื่อดัง พร้อมด้วย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันข่มขู่เรียกเงิน นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว 1.5 ล้านบาท ก่อนทั้งหมดได้ประกันตัวออกไป

โดยเรื่องนี้ วันที่ 27 ม.ค.2567 นางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร อายุ 49 ปี ภรรยา นายณัฏฐกิตติ์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่สามีรับตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ก็ถูกกลุ่มผู้ต้องหาร้องเรียนมาโดยตลอด เกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกรมการข้าว

ทั้งๆที่เคยชี้แจงไปแล้วว่าเรื่องที่ร้องเรียนมันไม่เป็นความจริง จึงรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แม้สามีจะพยายามชี้แจงอธิบายข้อเท็จจริง ว่าสิ่งที่เขากล่าวอ้างนั้นไม่ใช่เรื่องจริง สามารถตรวจสอบได้แต่ไม่เป็นผล ผู้ต้องหายังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยอมจ่ายเงิน แลกกับการยุติการร้องเรียนเช่นเดิม

นางธัญญรัตน์ บอกด้วยว่า ขอยืนยันว่ามีการเจรจาเรียกเงินจากเราจริง เขาบอกว่ายอมจ่ายจะดีกว่า ถึงจะเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องเท็จก็ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะกว่าจะตรวจสอบพิสูจน์ความจริงได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงตอนนั้นก็กลายเป็นข่าวเผยแพร่ตามสื่อเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว มันไม่คุ้มหรอก คุณนายยอมจ่ายๆไปเถอะทุกอย่างจะได้จบ อย่างน้อยก็ถือว่าเอาไว้เป็นพวกกัน”

นางธัญญรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ เพราะช่วงที่มีการเจรจาต่อรองเงินกันกับตน พวกเขามักจะพูดเสมอว่า ลดราคาให้ได้เท่านี้จริงๆ เพราะทีมงานมีหลายคนต้องไปแบ่งกัน ทั้งทีมส่งข่าว ทีมทำเอกสาร และอีกหลายๆทีม คุณนายไม่ต้องรู้รายละเอียดพวกนี้หรอก แค่จ่ายเงินมาส่วนที่เหลือจะจัดการเคลียร์เอง

“นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างเคสก่อนๆของบุคคลอื่นในอดีตมาขู่ในลักษณะทำนองว่า ถ้าจ่ายเงินให้ก็จบปัญหา จึงเชื่อว่านอกจากสามีแล้วน่าจะยังมีบุคคลอื่นถูกกระทำในลักษณะเช่นเดียวกันกับเราอีกด้วยตลอดระละเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น รู้สึกเป็นทุกข์และเครียดมาตลอด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้

กระทั่งมาฉุกคิดได้ว่า เมื่อเราไม่ผิดทำไมไม่ลุกขึ้นมาสู้ปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง หรือสู้ให้คนอื่นรู้ว่าความจริงยังมีอยู่ อีกทั้งหากปล่อยให้มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมต่อไป แล้วประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ทำให้ตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้จนนำมาสู่ความจริงที่ปรากฎ”