วิสามัญหนุ่มคลั่ง ควงมีดอาละวาด ฟันตำรวจเจ็บ ถูกยิงสวนดับกลางหมู่บ้าน

วิสามัญหนุ่มคลั่ง ควงมีดอาละวาดกลางหมู่บ้าน ฟันตำรวจบาดเจ็บ ถูกยิงสวนล้มลงเสียชีวิต ลุยค้นบ้านเจอของอุปกรณ์เสพยาบ้า เผยประวัติ

วันที่ 19 ก.ค.2567 พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จิตรประสาน ผกก.สภ.แม่จัน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.30 น.ของวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุคนคลุ้มคลั่งภายในหมู่บ้านสันธาตุ ม.9 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย จึงสั่งการให้ จ.ส.ต.สุทธิเกียรติ พนมไพรสกุล ผบ.หมู่ ป.สภ.แม่จัน ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบ นายทูน อายุ 28 ปี กำลังเดินอยู่กลางถนนสาธารณะภายในหมู่บ้าน ในมือถือมีดดาบยาว 1 เล่ม ข่มขู่ผู้ที่สัญจรผ่านไปมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่จัน พยายามเข้าไปควบคุมสถานการณ์

ขณะที่ จ.ส.ต.สุทธิเกียรติ ไปถึง นายทูนได้ใช้อาวุธมีดตรงเข้าทำร้าย จ.ส.ต.สุทธิเกียรติทันทีจนบาดเจ็บบริเวณขาด้านขวา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว กระสุนถูกร่างของนายทูนล้มลง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำ จ.ส.ต.สุทธิเกียรติส่งโรงพยาบาลแม่จัน

ต่อมาพนักงานสอบสวนให้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า นายวิทูนเสียชีวิตแล้ว และพบของกลางเป็นอาวุธมีดดาบ 1 เล่ม มีดพกสั้น 1 เล่ม จากการตรวจสอบบ้านพักพบอุปกรณ์เสพยาบ้าในห้องพัก ส่วนประวัตินายทูนไม่พบประวัติการถูกจับกุมหรือเสพยาเสพติดมาก่อน

ที่เหตุเป็นหน้าห้องแถว จำนวน 9 ห้อง พบร่างชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น สวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งโสร่งสีเขียว หน้าห้องที่ 3 มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 2 นัด ที่ขาและใบหน้า ที่มือซ้ายยังกำมีดเหน็บ ความยาวประมาณ 25-30 ซม. อยู่แน่น ห่างออกไป 2 เมตร พบมีดอีกเล่ม ความยาว 40 ซม. กระเด็นตกอยู่ที่พื้น ใกล้กันยังพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 2 ปลอก และวิทยุสื่อสารของตำรวจตกอยู่ ส่วนชายคนที่นอนอยู่ ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อต่อมาว่า นายอ่าว โก อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า มีชาวบ้านแจ้งไปยัง สภ.กุยบุรีว่า มีคนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ถือมีดไล่ฟันชาวบ้านอยู่ ทาง ร.ต.อ.วัฒนชัย คีรีนิล ร้อยเวร 20 นำกำลังชุดสืบสวนเข้าทำการระงับเหตุ แต่นาย อ่าว โก เมื่อเห็นตำรวจกลับไม่ได้เกรงกลัว ถือมีดสองมือวิ่งเข้าใส่ตำรวจ ทำให้ตำรวจได้ใช้ปืนไฟฟ้ายิงใส่ ซึ่ง นายอ่าวโก ก็เพียงแต่ชะงักล้มลงไปชั่วครู่ จากนั้นก็ลุกขึ้นใช้มีดที่อยู่ในมือทั้งสองไล่ฟันตำรวจ ทำให้ต้องถอยหนีตั้งหลัก แต่ทาง ส.ต.ต.ธีรภัทร จันทร์สุข ตำรวจชุดสืบสวน ที่ร่วมระงับเหตุเกิดหกล้ม ทำให้นาย อ่าว โก ปรี่เข้ามาใช้มีดฟันที่ต้นแขนซ้าย ทางส.ต.ต.ธีรภัทรจึงได้ชักปืนยิงสวนไป 2 นัด เพื่อป้องกันตัว จนนาย อ่าว โก ล้มลง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรแจ้งรถพยาบาลให้มารับนาย อ่าว โก ไปรักษา แต่พบว่าเสียชีวิตลงแล้ว

ด้าน นายปรีชา โออิด อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นคู่เขยของนาย อ่าว โก เล่าว่า เป็นผู้แจ้งตำรวจมาระงับเหตุเอง เนื่องจากนาย อ่าว โก เกิดอาการคลุ้มคลั่งเอะอะโวยวายถือมีดสองมือเดินไปมาหน้าห้อง ตนเองจึงห้ามปราม ซึ่งปกตินาย อ่าว โกจะฟังตน แต่ครั้งนี้กลับไม่ฟัง แถมยังวิ่งไล่ฟันตนเองอีกด้วย ตนจึงวิ่งหนี และโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นเมื่อตำรวจมาถึงก็เข้าไปสั่งให้นาย อ่าว โก วางมีดลง เพื่อมาพูดคุยกันแต่นาย อ่าว โก กลับไม่ฟัง ท้าทายต่างๆนาๆ พูดจาภาษาไทยปนพม่า และก็คว้ามีดวิ่งไล่ฟัน ตนก็วิ่งหนี จากนั้นได้ยินเสียงปืนจึงได้ทราบว่านาย อ่าว โกถูกยิง

นายปรีชา เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน นาย อ่าว โก เคยเกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้มีดเฉือนแขนตัวเอง และจะไล่ฟันชาวบ้าน ซึ่งครั้งนั้นตนเองก็แจ้งตำรวจมาระงับเหตุได้ทันก่อน โดยนาย อ่าว โก เคยมีอาการคล้ายคนที่ของขึ้น คือขึ้นปีนต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วคล้ายกับลิง ซึ่งนาย อ่าว โกได้สักยันต์รูปหนุมานไว้ที่ด้านหลัง

ด้าน ร.ต.อ.วัฒนชัย คีรีนิล รองสวป.สภ.กุยบุรี ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดระงับเหตุ เล่าว่า ตนเองได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีคนคลุ้มคลั่งไล่ฟันชาวบ้าน จึงนำกำลัง พร้อมอุปกรณ์ไม้ง่าม สำหรับจับผู้ป่วยจิตเวช หรือคนคลุ้มคลั่ง มาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ผู้ตายยืนอยู่หน้าห้องที่ 3 ในมือทั้งสองข้างถือมีดอยู่ จึงได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา นำอุปกรณ์ไม้ง่ามลงไป เพื่อเตรียมจับ หลังจากพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง นาย อ่าว โก ผู้ตายได้วิ่งใส่ตำรวจ ซึ่งทางตำรวจได้ใช้ปืนไฟฟ้ายิงใส่ จนทำให้นาย อ่าว โก ล้มลง ทางตำรวจจึงนำไม้ง่ามเข้าไปจะจับ แต่นาย อ่าว โก กลับลุกขึ้นมาได้ และไล่ฟันตำรวจจน ส.ต.ต.ธีรภัทร หกล้มหนีไม่ทันถูกฟันแขนซ้าย จึงถูกยิงสวนเสียชีวิตดังกล่าว

จากการตรวจสอบที่แขนของ ส.ต.ต.ธีรภัทร พบว่ามีรอยถูกฟัน จนแขนเสื้อขาดและรอยแดงๆ ที่แขนเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บมากแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากแพทย์ฝ่ายปกครองและตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ร่วมกันตรวจสอบแล้ว จึงได้ให้กู้ภัยนำร่างผู้ตายนำส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป