นาง ห้าม๊า หมดจด เปิดใจทั้งน้ำตาพร้อม เอ๋ ลูกสะใภ้ ถึงลูกชาย เมฆ วินัย ที่เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาล หลังจากรักษาตัวด้วยโรคตุ่มน้ำพองมาถึง 5 ปี

ทุกอย่างที่เขาทำให้แม่ได้ ทำให้น้องได้เขาทำทุกอย่าง 5ปี ที่สู้มาด้วยกันพี่ๆ น้องๆ ลูกสะใภ้ สู้มาด้วยกันตลอด คุณแม่เพิ่งกลับไปบ้าน อยู่ด้วยกันที่บ้านเขามา 10 วันแล้ว เดินทางไป-กลับอย่างนี้มา 5 ปีแล้ว หลังๆ ก็มาทุกเดือน

ครั้งสุดท้ายที่แม่ได้คุยกันคือวันที่ 14 ที่ผ่านมา เขาร้องเพลงให้แม่ฟังด้วย เพลง มาแล้วแก้วตา ไม่ได้ฟังเขาร้องเพลงนานมากแล้ว วันนั้นเขาก็ไม่สบายแล้วนะ ธรรมดาเขาจะพูดลิ้นเต็มปาก แต่พอวันนั้นร้องเพลงเสียงชัดเลย เหมือนเขาร้องเพลงครั้ง

วันที่ 14 คือวันที่จะบินกลับ ก็ได้คุยกับเขา ให้กำลังใจทุกครั้ง ให้สู้ๆ เขาก็บอกว่าจะสู้ ตลอด 5 ปี เขาบ่นว่าท้อนะ แต่เขาจะสู้ เขาจะหายให้ได้ เพื่อลูก เพื่อแม่ เพื่อเมียสิ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจก็มีลูกๆ พี่ๆ เมียเขานั่นแหละ เขาสู้ตลอด กับแม่เขาบอกว่าจะสู้ไปด้วยกัน

ตัวแม่เองก็ท้อไม่รู้จะท้อยังไง แต่ก็สู้ อย่างตอนนี้ก็ยังอยากให้เขาสู้นะ แต่เขาไม่สู้แล้ว ลูกสะใภ้โทรไปบอกว่าจะส่งเขาไปรพ.จุฬาฯ นึกในใจเขาจะไหวเหรอ เพราะตอนที่แม่กลับก็ดูเขาไม่มีแรง

ในวันที่ทราบว่าเขาไม่อยู่แล้ว ใจมันหมดไปเลย ตอนลูกสะใภ้โทรไปก็ยังไม่หลับ เพราะนอนไม่ค่อยหลับเป็นห่วงเขา พอเขาโทรเสร็จลูกสาวอีกคนหนึ่งก็โทรหารถตู้ ทั้งที่จริงจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว ว่าจะมาวันนี้แหละตอนเย็น ทิ้งตั๋ว มารถตู้เลย

ถามว่าคุณแม่มีเซ้นส์ ก็มีค่ะ รู้ตั้งแต่ตอนบ่ายๆ เมื่อวาน ตอนโทรศัพท์ที่คุยว่าจะส่งไป รพ.จุฬาฯ แม่ก็บอกว่าจะไหวเหรอลูก เพราะแม่รู้แล้วว่าเขาไม่ไหวแล้ว (น้ำตาคลอ) ก็ได้บอกเขาว่าให้เขาหลับสบายนะลูก ไม่เจ็บไม่อะไรแล้ว

สภาพจิตใจของแม่ตอนนี้แย่มากๆ เลย กับลูกสะใภ้ก็บอกกัน เรารักเขามาก เขาทำทุกอย่างเลย เหมือนลูกที่เกิดมาเองเลย เขาทำให้ทุกอย่างไม่ให้นอนสกปรก ซักผ้าอะไรสะอาดหมด หาไม่ได้แล้วนะลูกสะใภ้ ถึงไม่มีเมฆแล้ว แม่ก็ยังจะมาหาเหมือนเดิม

ถามว่าแม่เตรียมใจไว้ไหม เตรียมใจไว้แล้ว เพราะเห็นอาการเขาแล้ว ยังบอกกับลูกสาวคนโตไว้เลยว่า พี่เขาไม่ไหวแล้วนะ บอกเขาแล้ว บอกให้ทำใจ อยากบอกเมฆว่าหลับให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ไม่ต้องห่วงเมีย ครอบครัวช่วยกันได้ กับลูกสะใภ้ก็รักเขามาก เป็นห่วง เขาเก่งและรับผิดชอบทุกอย่างทั้งฝั่งเขาและฝั่งที่บ้าน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน

เอ๋ “ตอนที่ได้เจอกันก็ให้กำลังใจกัน เขาห่วงแม่ คือเราคุยกันเสมอว่าครอบครัวเอ๋ก็เหมือนครอบครัวพี่เมฆ ครอบครัวพี่เมฆก็เหมือนครอบครัวเอ๋ เราไม่เคยแยกว่าครอบครัวใคร เราพูดเสมอว่านี่คือครอบครัวเรา ตอนนี้เขาคงไม่ห่วงแล้ว

ถามว่าเคยเตรียมใจไว้ไหม ไม่เลย ไม่เคยคิดว่าเขาจะไปด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเมื่อคืนก็คิดว่าเขาต้องสู้ แต่คือหมอปั๊มชั่วโมงหนึ่งแล้ว ไม่ถอดก็ต้องถอด หัวใจไม่ขึ้นแล้วค่ะ

ทำใจลำบากตอนโทรไปบอก ก็บอกกับพี่สาวไว้ว่า อย่าเพิ่งบอก ให้ค่อยๆ บอก ไม่อยากให้ดูสื่ออะไรเลย อย่างที่บอกว่าไม่คิดว่าเขาจะไป ไม่มีเซ้นส์หรืออะไร หรือมีก็ไม่รู้เลยว่ามันคือเซ้นส์เตือนว่าเขาจะไปแล้ว เพราะคิดเสมอว่าเขาจะสู้ไปกับเรา แต่อย่างที่บอกว่าก่อนเข้าโรงพยาบาลเขาบอกว่าเขาเหนื่อย เขาเหนื่อยมากเลยนะ ซึ่งเขาไม่เคยพูด ก็บอกเขาว่าถ้าเหนื่อยก็นอน”