ฝนจะตก แดดจะร้อน หลวงตาท่านไม่เคยหยุด ท่าน จาริกธุดงค์แผ่เมตตาบุญ แก่ญาติโยม

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่น่ารัก ได้มาพบเจอกันอีกแลัว กับแอดมินและทีมงานเพจเกษตรสุขใจ เราจะคอยนำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความใจโลงใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านอยู่เป็นนิจนะคะ

หลายๆท่านได้นั่งรอเพื่อที่จะรอกราบหลวงตาบุญชื่น และได้ฟังคำสอนหลวงตามาบ้างแล้ว

แต่ก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆท่านที่ยังไม่ได้มีโอกาศกราบนมัสการหลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท วันนี้แอดมินมีบทเสวนาของหลวงตากับลูกศิษย์มาฝากกันค่ะ

มีโยมกราบเรียนถามองค์หลวงตาบุญชื่น ที่ในศาลาวัดศรีสว่างกุดดู่ ตอนท่านอนุญาตให้ถามว่า….ทำไมหลวงตาไม่สวมรองเท้าเดิน ไม่เ จ็ บเท้าหรือ แล้วเท้าเป็นแ ผ ลหรือเปล่า…

ท่านตอบว่า

ตอนเกิดมาก็ไม่มีใครสวมรองเท้ามาด้วย ร่างกายก็ไม่มีอะไรห่อหุ้มมา ถามว่าเท้าเป็นแ ผ ลมั๊ย แล้วเ จ็ บเท้าหรือเปล่า เท้าก็มีแ ผ ลนิดหน่อย ความเ จ็ บ ป ว ดมันก็เป็นของร่างกาย

หลวงตาเดินแบบนี้ไม่ได้เดินเล่น เดินพิจารณากาย พิจารณาทุ ก ข์ ก็ที่เราตั้งนะโม นะคือน้ำ ธาตุของแม่ โมคือดิน ธาตุของพ่อ ไฟกับลมมันตามมาทีหลัง

สุดท้ า ยธาตุเหล่านั้นก็แ ต ก ดั บไปตามกาลของมัน เมื่อแ ต ก ดั บ ดังนั้นเมื่อเรามีชีวิตอยู่ เราทำดีบุญกุศลก็เป็นของเราและของพ่อแม่เราด้วย

โยมถามว่า ทำไมท่านไม่รับปัจจัย (เงิน)

ท่านตอบว่า มีเงินแล้วมันวุ่นว า ยต้องรักษาต้องดูแล ใครที่เดินตามหลวงตาแล้วรับเงิน คนนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงตานะ มาเดินนี้เพื่อสั่งสมทานบารมีด้วยกัน

เมื่อมีคนศ รั ท ธ าถวายน้ำขนม นมเนย ก็พิจารณาให้ทานต่อให้คนและสถานที่ขาดแคลนย า ก ไ ร้ เมื่อเราบริสุทธิ์100% คนที่มาทำบุญก็จะได้บุญกับเรา100%

มีโยมถามว่า ทำไมท่านนอนไม่กางมุ้ง ไม่นอนในกรด ยุง แมงไม่กัดเหรอ

ท่านตอบว่า ยุงกัดก็เป็นเรื่องของยุง เขาหิวก็มากัดกินเลือดตามหน้าที่เขา อิ่มแล้วเขาก็ไปเอง หน้าที่เราก็ดูในตัวเรา แล้วมุ้งกรดมันหนัก เดินไม่สะดวก

ลำพังสังขารร่างกายนี้ก็หนักก็ทุ ก ข์มากพอแล้วทำไมต้องมาลำบากแบกหามอะไร นอนก็เพื่อพักธาตุขันธ์ให้มีแรงเดินต่อไปสู่จุดหมายเท่านั้น

จะต้องยุ่ ง ย า กปูที่นอนทำไม ผ้าถ้ามีมากมายก็เป็นภ า ร ะ มีใช้เท่าที่จำเป็น

โยมถามว่า หลวงตาเ ห นื่ อ ยมั๊ย แต่ก่อนเดินไวกว่านี้ ตีหัวโยมแรงกว่านี้ ตอนนี้หลวงตาดูอ่อนแรงลง

หลวงตาตอบว่า ก็เ ห นื่ อ ยเป็น ธร ร ม ดาของร่างกาย ถ้าเดินเร็วๆ ตีหัวแรงๆญาติโยมก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ต้องรีบร้อนไปหมด ก็ต้องเดินช้าลง ตีเบาลง

คนที่มารอถวายของก็มาด้วยศ รั ท ธ า มานั่งตากแดด ตากลม ตากฝน ทั้งลูกเล็กเด็กแดง เด็กต่อไปเติบโตขึ้น

บางคนเป็นครู หมอ พยาบาล เป็นนายอำเภอ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำคนทั้งประเทศ ก็ต้องเมตตาให้เขาได้กราบได้ถวายของแบบไม่ต้องรีบร้อน

หลวงตาก็เย็นลง ไม่ต้องรีบร้อน แดดร้อนเพราะเรายึด ถ้าเราไม่ยึดใจเราก็เย็น ถ้าเราร้อนคนก็ไม่กล้าเข้าใกล้

เมื่อเขาเอาของมาถวายเราก็ได้ให้ทานต่อไป เราไม่เอาอะไรมาเก็บไว้ แค่ฉันข้าววันละครั้งพอ ฉันหลายมื้อ ญาติโยมก็ต้องเ สี ยเวลาเ สี ยเงินทำอาหารมาถวายหลายมื้อ

เราฉันมื้อเดียว ร่างกายก็เบา พักผ่อนพอให้มีแรงเดินต่อสู่จุดมุ่งหมาย

..หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท..ให้โอวาทกับญาติโยมที่มารอกราบท่าน

หากบทความนี้มีประโยชน์อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ทีมงานเกษตรสุขใจด้วยการกดไลค์และกดแชร์นะคะ

วันนี้ “ท้อ” ไม่เป็นไรขอ “ใจสู้”

“พรุ่งนี้” ยังมีอยู่ให้ “แก้ไข”

มีความหลัง เป็นบทเรียนใช้สอนใจ

“อนาคต” วันข้างหน้าเป็นอย่างไร อยู่ที่เรา..

เรียบเรียงโดย เพจFarmสุขใจ