สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่น่ารัก ได้มาพบเจอกันอีกแลัว กับแอดมินและทีมงานเพจเกษตรสุขใจ เราจะคอยนำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความใจโลงใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านอยู่เป็นนิจนะคะ
“นอนนาแก้จ น” ปลูกผัก เลี้ยง สั ตว์ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น โครงการที่จะนำมาสู่การพิชิตความย ากจ น
ในส ถ า น ก า ร ณ์แบบนี้ เห็นหลายบริษัทปิดตัวลงหลายๆคนตกงาน แอดฯก็เป็นห่วงทุกท่านที่ได้รับผลกระท บ
และหลายท่านอาจต้องกลับมาอยู่บ้านซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่เหมือนกัน แต่หากเราคิดให้ดีอาจพลิกวิ ก ฤ ติให้เป็นโอกาสซึ่งหากชีวิตยังไม่สิ้น
เราก็ต้องดิ้นกันต่อไป และแอดฯก็มีโครงการดีๆมาฝากเพื่อสู้กับวิ ก ฤ ติ กา รณ์ครั้งนี้กัน…

มีผู้ทำโครงการนอนนาแก้จ น มีชาวบ้านเข้าร่วมโครงการและนำไปเป็นตัวอย่าง ที่บ้านบัว พบกับเจ้าของสวนและโครงการ หลังทักทายกันแล้ว ก็พาเที่ยวชม
ดร. พลังพงศ์ คำจวง ก ร ร มการบริหาร ศูนย์อุตสาหก ร ร มบัวแก้วธานี อยู่บ้านเลขที่ 224 หมู่ที่ 5 บ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังห วั ดสกลนคร
เล่าถึงความเป็นมาของโครงการชวนนอนนาแก้จ นว่า แต่เดิมก็ทำนา ทำสวน หลังจากเรียนหนังสือจบก็เคยคิดที่จะทำงานราชการ แต่ชีวิตก็ไปทำธุรกิจหลายอย่าง
และสุดท้ายก็มาทำโรงงานตัดเสื้อผ้า และผลิตถุงกอล์ฟส่งประเทศญี่ปุ่น แต่จากปั ญ ห าภาวะเศรษฐกิจจึงหยุดไปช่วงหนึ่ง แต่ยังคงผลิตเสื้อผ้าเช่นเดิม
ในช่วงนั้นก็หันมาลงเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นนายกเทศบาลตำบลบัวสว่าง และเนื่องจากมีแนวคิดโครงการช่วยชาวบ้าน
จึงคิดโครงการ “นอนนาแก้จ น” ขึ้น พร้อมกับโครงการขยายไฟฟ้า เพื่อเป็นฐานของการทำโครงการ
ต่อมาได้ลงมือทำเองเพื่อเป็นการนำร่อง ให้ชาวบ้านเห็น ฟื้นวิถีชีวิตชุมชน คนในหมู่บ้าน หันมาทำจริงจัง พร้อมยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ไปด้วย จึงมีชาวบ้านสนใจและทำกันมากมาย
สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วม หากไม่มีวัว ควาย เลี้ยง…ทางโครงการก็จะแจกให้ยืมเลี้ยง เมื่อวัวและควายนั้นได้ลูกหลานออกมาก็จะมอบให้กับคนที่นำไปเลี้ยง

ส่วนแม่พันธุ์ก็จะคืนมาให้กับเกษตรกรรายอื่นต่อไป ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการให้ ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มประชากรวัว ควาย ในตัวด้วย พร้อมส่งเสริมให้ชาวบ้านใช้ปุ๋ยมูลวัวและควาย
“โครงการนอนบ้านมั่งคั่ง นอนนาแก้จ น เป็นนโยบายที่คิดขึ้นจากพื้นฐานชีวิตความเป็นอยู่ของคนชนบทซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
มีทรั พ ย ากรธ รร มชาติมากที่สุด แต่คุณภาพชีวิต การศึกษา สุขอนามัย
สิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่าคนในเมือง วันนี้นโยบายดังกล่าวจึงเป็นแนวทางอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคนชนบทดีขึ้น
เมื่อเศรษฐกิจชาวบ้านชนบทเข้มแข็งมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
คิดว่าจะทำให้สังคมในเมืองเข้มแข็งเป็นเงาตามตัว นี้จึงเป็นที่มาของแนวคิดดังกล่าว” ดร. พลังพงศ์ บอก
เมื่อเกษตรกรได้ไปอยู่ในที่ดินทำกินของตนเองหรือที่ทำงานของเขา เพิ่มรายได้ ล ด รา ย จ่ าย มีเงินออม ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าอบอุ่น ประเพณีมีคนสืบทอดให้รุ่นหลัง เงินกระจายทุกกลุ่ม
ราคาที่ดินหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ความเจริญกระจายตัว จะทำให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง มีผลทำให้เศรษฐกิจในเมืองมั่นคงไปด้วย เป็นวงจรที่มั่นคง มีเสถียร ประเทศชาติมั่งคั่ง

การแก้จ นต้องเริ่มจากการพึ่งพาตนเอง ปลูกผัก เลี้ยง สั ต ว์ เพื่อลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น จากสภาพปัจจุบันภาคเกษตร ก ร ร ม พบว่าชาวบ้านมีหนี้สินเพิ่มขึ้น เนื่องจากรา ย จ่า ยมากกว่าร า ยได้
เกิดการกู้หนี้ยืมสิน ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐก็จะมักจะใช้วิธีการแก้ปัญ ห าความจ น
ด้วยการทุ่มเทงบประมาณให้กับชาวบ้าน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มีความพร้อมที่จะบริหารจัดการเงิน
ทำให้มีเงินเท่าไรก็ไม่พอ ขณะที่ปัญหาความจ นก็ยังคงอยู่ ซึ่งข้อเท็จจริงจากการที่ได้ไปวิเคราะห์ในระดับล่าง
ปัญหาความยากจ นที่แท้จริงก็คือ การที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ความจ นต้องแก้ด้วยตัวเอง แต่ต้องมีคนชักนำ เริ่มต้นช่วยเหลือและเพิ่มแนวทางการแก้จ น ให้เขาพึ่งตนเองได้ก่อน
ดร. พลังพงศ์ กล่าวอีกว่า คำว่า “นอนนาแก้จ น” หากนึกย้อนภาพในอดีตของคนอีสานที่เมื่อถึงฤดูกาลทำนา
ชาวนาก็จะลงไปนอนที่ทุ่งนา และมีการปลูกผัก เลี้ยง สั ต ว์ไว้กินเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอ บ าย มุ ข
ดังนั้น การไปอยู่เถียงนาก็คือ สภาพการพึ่งพาตนเองที่ไม่ใช้การบริโภคจากภายนอก ซึ่งเมื่อได้แนวคิดนี้ จึงได้นำชาวบ้านในหมู่บ้านนำร่อง คือบ้านบัว ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จัง ห วั ดสกลนคร
โดยสิ่งแรกต้องเริ่มจากการปรับกระบวนทรรศน์ที่จะพึ่งพาตนเองก่อน เพราะถ้ามัวแต่จะรอรับอย่างเดียวก็จะไม่ประ ส บ ผล สำเ ร็ จ
ขอขอบคุณที่มา yimkwangkwang.com
หากบทความนี้มีประโยชน์อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ทีมงานเกษตรสุขใจด้วยการกดไลค์และกดแชร์นะคะ
วันนี้ “ท้อ” ไม่เป็นไรขอ “ใจสู้”
“พรุ่งนี้” ยังมีอยู่ให้ “แก้ไข”
มีความหลัง เป็นบทเรียนใช้สอนใจ
“อนาคต” วันข้างหน้าเป็นอย่างไร อยู่ที่เรา..
เรียบเรียงโดย เพจFarmสุขใจ