สวัสดีค่ะ เพียงประโยคเดียวที่พ่อและแม่พูดเหมือนปลดล็อคความรู้สึกความเหนื่อยความหนักใจอะไรหลายๆอย่าง
ครอบครัวสำหรับเราคืออะไรที่สำคัญมากๆ ถ้าวันนี้คนที่เหนื่อยจากปัญห าอะไรหลายๆอย่างลองโทรไปขอกำลังใจจากคนทางบ้านหรือคนที่เรารักดูนะ มันให้ฟีลกูดมากๆเลย เชื่อเรา
ไม่ว่าจะเป็นคฤห าสน์หลังใหญ่ ที่ดินหลายร้อยไร่หรือบ้านไร่ปลายนาหลังคามุงจากบ้านก็คือบ้านอยู่ดี มันไม่ได้เป็นเพราะโครงสร้างรูปร่าง
แต่เพราะคนที่อยู่ที่นั่นต่างห ากการได้กลับบ้านเหมือน ย ารักษาแผลใจ เหมือนการได้ชาร์จแบตเติมพลังเหมือนการได้กลับไปเจอแผนที่หลังจากหลงทาง
การได้รู้ว่ามีคนรอเราอยู่ที่บ้าน เป็นคนที่พร้อมจะเข้าใจเราที่สุดเป็นคนที่ยอมรับเราได้ทุกอย่าง
เป็นคนที่อย ากฟังเราเป็นคนที่ไม่ว่าจะเป็นยังไง เข าก็จะพูดกับเราว่า “ไม่เป็นไรนะ” เสมอ “ถ้าไม่ไหว ก็กลับมาบ้านเรานะ” มันดีจริงๆ
เราเชื่อว่าคำพูดมีพลังในตัวมันเอง เราเป็นเด็กหอตั้งแต่ ม1 จ นตอนนี้จะปี 2 แล้วชีวิตที่ห่างบ้านตลอดห่างครอบครัว
ทำให้ทุกเย็นก่อนนอนหรือหลังอาบน้ำจะเป็นกิจวัตรประจำวันของทุกวันคือการที่ต้องโทรห าแม่บ างที่ก็ไม่มีเรื่องราวอะไรมากมายเพียงแค่ถามกันว่า วันนี้ทำอะไร วันนี้กินข้าวกับอะไรจะนอนหรือยัง

หรือในวันที่มีเรื่องมากมายคุยกัน เราก็คุยกับแม่เป็นชั่วโมงๆได้ แม้จะโทรห ากันทุกวันเลยก็ต าม วันนี้เป็นวันหนึ่งที่หนักจากการรับจ้างทำงานพิเศษ
เราคุยกับแม่ว่าวันนี้เจอเรื่องหนัก อ ก ห นั ก ใ จ วันนี้วันเวลาเดินผ่านไปช้ามาก ช้ามากในความรู้สึกเราเราระบ ายทุกอย่างออกไปเรื่อยๆ จ นกระทั่ง
ไม่ไหวก็กลับมาบ้านเรานะลูก
บ้าน ไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือผู้คน คือคนที่พร้อมจะโอบอุ้มเรา ปลอบใจเรา ให้กำลังใจเรา เอาเถอะ บ างทีตอนนี้อาจจะมีเรื่องแ ย่ๆ บ างทีก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องที่เจอดี
บ างทีชีวิตมันอาจจะย ากบ้าง แต่อย่างน้อย ก็มีคนคอยเราอยู่ ถ้าไม่ไหว ก็กลับบ้านนะ บ างทีเพียงแค่นี้ อะไรๆ ก็อาจจะกลับมาดีได้ก็ได้ เมื่อเราได้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ไม่มีที่ไหนอบอุ่นที่บ้านเรา ถ้าไม่ไหว…ก็กลับมาบ้านเรานะ พ่อแม่ยังรอคอยเสมอ
เป็นคำพูดที่ได้ฟังแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ
ที่มา สห าย
เรียบเรียงโดย เษตรสุขใจก